www.wongchan-khaokho.com

การหยุดชะงักของการนอนหลับเรื้อรังสามารถทำให้เกิดโรคหัวใจและไตได้

โดย: SD [IP: 146.70.194.xxx]
เมื่อ: 2023-03-22 17:41:29
Dr. Michael Sole ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและผู้อำนวยการผู้ก่อตั้ง Peter Munk Cardiac Center และศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และสรีรวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโตรอนโตกล่าวว่า “จังหวะการเต้นของหัวใจที่หยุดชะงักส่งผลร้ายแรงต่อหัวใจ ไต และอวัยวะอื่นๆ "นี่เป็นการศึกษาครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าการหยุดชะงักของวงจรการนอนหลับทำให้เกิดโรคหัวใจและไต" นักวิจัยพบว่าเมื่อนาฬิกาชีวภาพภายในแฮมสเตอร์ไม่ซิงค์กับตัวควบคุมจังหวะภายนอก (เช่น แสง/มืด) หัวใจจะเสียหายและขยายใหญ่ขึ้น (คาร์ดิโอไมโอแพที) และท่อไตยังคงมีแผลเป็นอย่างมีนัยสำคัญ ความสำคัญของจังหวะ circadian - วงจรการหลับและตื่นตลอด 24 ชั่วโมงของร่างกาย [url=https://bkm.ac.th/ไต/][b][color=#c3010b]ไต[/color][/b][/url] "สายแข็ง" เป็นที่เข้าใจกันดีในการควบคุมสรีรวิทยาของหัวใจและหลอดเลือด การศึกษาก่อนหน้านี้โดย Dr. Sole และเพื่อนร่วมงานของเขาชี้ให้เห็นว่าการต่ออายุของเนื้อเยื่อหัวใจและหลอดเลือดส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ ดังนั้นการรบกวนการนอนจึงสามารถทำลายอวัยวะได้โดยตรง ลูกเรือบนเครื่องบินในช่วงเส้นเมอริเดียน คนขับรถบรรทุก และพนักงานกะมักประสบปัญหาวงจรการนอนหลับหยุดชะงักเนื่องจากลักษณะงานของพวกเขา แม้ว่าการแพทย์จะมุ่งเน้นที่ปัจจัยทางประสาทจิตวิทยาเป็นส่วนใหญ่ เช่น ประสิทธิภาพการทำงานและความจำ แต่กลุ่มเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีความชุกของโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าค่าเฉลี่ย “พนักงานกะและลูกเรือบนเครื่องบินอาจต้องการพิจารณาข้อค้นพบเหล่านี้เมื่อต้องจัดตารางเวลาทำงาน” ดร. โซลแนะนำ และเสริมว่าคนงานเหล่านี้อาจพยายามรักษาตารางการทำงานให้คงที่เป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับนาฬิกาใหม่ได้ สัญญาณภายนอก Dr. Sole ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าโรงพยาบาลบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนกผู้ป่วยหนัก ยังคงใช้ห้องแบบหลายเตียง ซึ่งรบกวนวงจรการหลับ-ตื่นอย่างต่อเนื่องในผู้ป่วยวิกฤต การศึกษาเรื่อง “ความระส่ำระสายของจังหวะการเต้นของหัวใจทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคไตอย่างลึกซึ้งในหนูแฮมสเตอร์” ตีพิมพ์ใน American Journal of Physiology- Regulatory, Integrative และ Comparative Physiology ฉบับเดือนเมษายน มูลนิธิหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองและกองทุนวิจัย A. Ephraim และ Shirley Diamond Cardiomyopathy ให้ทุนสนับสนุนการศึกษานี้

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 56,469